ทายสถานเฟื่องฟุ้ง อาทิตย์
จันทร์ทายรูปจริต จัดแจ้ง
ทายหาญมหันตพิศ ภุมเมศ
ทายพุธอ่อนหวานแกล้ง กล่าวไว้จงเห็น
ปัญญายงยิ่งแท้ พฤหัสบดี
ทายกลกามประวัติ ศุกร์ไซร้
ทายโทษโทมนัส เสาร์เล่า แลนา
ทายมืดมัวเมาให้ ทักแท้ราหู
บทที่ 1
ทายสถานเฟื่องฟุ้ง อาทิตย์
จันทร์ทายรูปจริต จัดแจ้ง
ทายหาญมหันตพิศ ภุมเมศ
ทายพุธอ่อนหวานแกล้ง กล่าวไว้จงเห็น
ความหมาย:
-
อาทิตย์: เป็นตัวแทนของความรุ่งเรืองและชื่อเสียง ทำนายถึงสถานะที่เฟื่องฟูหรือความโดดเด่นในชีวิต
-
จันทร์: สะท้อนถึงรูปลักษณ์และอารมณ์ จริตของบุคคล บ่งบอกถึงความงาม ความละเอียดอ่อน หรืออารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง
-
อังคาร (ภุมเมศ): ทำนายถึงความกล้าหาญ การเผชิญหน้า ความมุ่งมั่น หรือพลังที่เข้มแข็ง
-
พุธ: เป็นตัวแทนของความอ่อนหวาน ฉลาดในคำพูดและการสื่อสาร บ่งบอกถึงทักษะการเจรจาที่มีเสน่ห์
บทที่ 2
ปัญญายงยิ่งแท้ พฤหัสบดี
ทายกลกามประวัติ ศุกร์ไซร้
ทายโทษโทมนัส เสาร์เล่า แลนา
ทายมืดมัวเมาให้ ทักแท้ราหู
ความหมาย:
-
พฤหัสบดี: เป็นดาวแห่งปัญญาและความรู้ บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาด ความยิ่งใหญ่ในด้านการเรียนรู้ และคุณธรรม
-
ศุกร์: สะท้อนถึงความรัก ความสุข ความหลงใหล หรือการแสวงหาความสุขในชีวิต
-
เสาร์: บ่งบอกถึงความทุกข์ ความเศร้าหมอง หรือภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงในชีวิต
-
ราหู: ทำนายถึงความมืดมัว ความลุ่มหลง และความสับสนในชีวิต สะท้อนถึงอิทธิพลของสิ่งที่ยั่วยวนหรือการกระทำที่อาจนำไปสู่ความผิดพลาด
โคลงกลอนการอ่านดวงชาตา
จะกล่าวถึงหลักวิชาการ วิธีอ่านดวงชาตาในราศี
จะดีร้ายยากจนคนชั่วดี ทั้งมั่งมีจนยากลำบากกาย
อุปนิสัยใจคอและเรือนร่าง ตามราศีต่างๆ มีความหมาย
ลัคนาอยู่ภพใดให้ควรทาย ถึงรูปกายเน้นนิสัยในเรือนตน
ถ้าอยู่ราศีธาตุไฟมักใจร้อน ร่างก็ค่อนข้างเกร็งแก่ไม่แปรผัน
ผิวก็คล้ำดำแดงเพราะแสงตะวัน ดวงตานั้นติดจะคมผมหยิกลอน
ถ้าอยู่ราศีธาตุน้ำท่านกำหนด ร่างหมดจดขาวแดงไม่หลอกหลอน
ร่างจะสูงอ้วนพีมีแง่งอน ชอบสัญจรคบสู่หมู่สังคม
ถ้าธาตุดินสีดินเป็นสีผิว ร่างสูงลิ่วหน้าเหลี่ยมไม่เหมาะสม
แต่หนักแน่นอดทนคนนิยม แต่สังคมมักห่างต่างออกไป
มีมานะพากเพียรเรียนรู้คิด เฝ้าพินิจช่องทางต่างแก้ไข
มักอยู่ที่ไม่มีคนไปอยู่ไกล ชอบนาไร่เกษตรกรรมเป็นสำคัญ
ถ้าธาตุลมผสมกันหลายสี ดำมีขาวก็มีดูน่าขัน
บ้างสูงบ้างต่ำเหลื่อมล้ำกัน จิตใจนั้นเรรวนปั่นป่วนไป
เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายทายใจยาก บ้างพูดมากบ้างพูดน้อยบ้างสงสัย
ไม่ชอบอยู่กับที่มีทางใด ที่จะไปก็รีบไปไม่รีรอ
ทายรูปร่างต่างนิสัยใจคอนั้น ควรแบ่งปันแม่ธาตุฉลาดหนอ
กลางธาตุและปลายธาตุชาติเหล่ากอ ก็จะพอมองเห็นสังเกตุกัน
จะดูการเงินการทองและของใช้ เรือนที่สองจุดหมายอย่าเหหัน
กฎุมภะคือข้าวของสารพัน มากน้อยนั้นให้สังเกตุเกษตรเรือน
ถ้าอยู่เรือนสองเรือนสี่และสิบเอ็ด ความสำเร็จมั่งมีใครจะเหมือน
เรือนที่หกแปดถึงสิบสองขอเตือน ลาภจะเลือนเงินหายากลำบากกาย
จะทุกข์เข็ญเป็นหนี้เรื่องเงินทอง ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็หนีหาย
ยิ่งสถิตร่วมกาลกิณีมีแต่วาย เป็นหนี้สินมากล้นไม่พ้นตัว
ภพที่สามนามว่าสหัชชะฤา ความหมายคือพี่น้องร่วมท้องตัว
การศึกษามิตรสหายเฉพาะตัว จะดีชั่วอย่างไรดูให้ดี
ถ้าเป็นเกษตรมีอุจจ์สุดวิเศษ ลาภะเขตก็จะเสริมให้สุขี
มีเพื่อนฝูงญาติกาพาให้ดี มักจะมีเพื่อนแท้แน่แก่ใจ
ถ้าอยู่อริมรณะและวินาสน์ ห้ามเด็ดขาดคบเพื่อนพาฉิบหาย
หากสหัชชะอยู่ปัตนินั้นอภิปราย จะดีร้ายน่ากลัวเรื่องผัวเมีย
จะได้ญาติร่วมชู้เป็นคู่ชิด หรือได้มิตรร่วมใจพาให้เสีย
จะยุ่งใจแก่ญาติหรือเพื่อนเมีย ทำให้เสียชื่อเสียงเพียงนั้นเอง
ถ้าจะดูหลักฐานบ้านที่อยู่ พันธุดูเรือนเฉพาะก็เหมาะเหม็ง
ทั้งเรือกสวนนาไร่ของเราเอง ไม่ต้องเกรงทายผิดคิดแชเชือน
ถ้าภพสี่นี้เป็นมหาอุจจ์ หรือเกษตรบริสุทธิ์ใครจะเหมือน
ทั้งสมบัติพัสถานและบ้านเรือน มากมายเกลื่อนทั่วไปให้จดจำ
อันภพนี้ความหมายถึงแม่ด้วย เหมือนจะช่วยชูชุบอุปถัมถ์
แม่เป็นหลักเกื้อกูลเฝ้าหนุนนำ ทั้งเงื่อนงำสารพัดไม่ขัดสน
ถ้าเรื่องลูกเต้าที่เราให้กำเนิด ภพปุตตะทายเถิดท่านเฉลยไว้
จะดีชั่วอย่างไรจะได้เคย อภิเปรยอภิปรายหลายๆนัย
ให้ดูดาวประจำเป็นกำหนด ที่ปรากฏเกณฑ์บังคับอย่าสงสัย
บุตรจะศรีชาติอาจอำไพ ที่จะได้สืบวงษ์เผ่าพงษ์พันธ์
เป็นเกษตรเป็นอุจจ์หรือมหาจักร เป็นที่รักวงษ์วานสมานฉันท์
จะกตัญญูรู้คุณเกื้อกูลกัน พ่อแม่นั้นได้พึ่งพาคราแก่ลง
ดูศัตรูคู่อาฆาตที่มาดร้าย จงเพ่งหมายภพอริดังประสงค์
ดูคนใช้ชายหญิงยิ่งบอกตรง จะมั่นคงถาวรหรือคลอนแคลน
จงพินิจพิจารณาหาภพนี้ ถ้าที่เรือนลัคน์ก็เหลือแสน
เหล่าศัตรูหมู่มิตรคิดดูแคลน พัวพันดินแดนถูกทำลาย
จะมีอุปสรรคแก่หลักฐาน ทั้งการงานการเงินมักสูญหาย
ถ้าอยู่ภพปัตนิท่านอภิปราย เกิดมาร้ายพัวพันเรื่องผัวเมีย
จะทะเลาะวิวาทมีบาดหมาง แต่ละอย่างมีเรื่องพาให้เสีย
ทั้งโรคภัยพันผูกกับลูกเมีย มีแต่เสียเงื่อนงำอยู่ร่ำไป
ถ้าจะดูคู่ครองหวังปองนั้น จงหมายมั่นปัตนิอย่าสงสัย
ถ้ามีเกษตรเลิศอำไพ ก็จะได้คู่ครองเป็นคนดี
จะได้เกื้อกูลพูลลาภยศ เกียรติปรากฏความรักสมศักดิ์ศรี
ถ้าอยู่ภพลาภะก็ยิ่งดี ท่านจะมีคู่หมั้นหมายอยู่หลายคน
ถ้าคู่ครองเรือนอยู่พันธุ ก็จะลุญาติกันนั้นเป็นผล
จากผู้ใหญ่ใกล้ชิดสนิทตน ที่เป็นคนชักพาหาให้เอง
พันธุปัตนิมีเป็นอุจจ์ หรือเกษตรบริสุทธิ์ก็เหมาะเหม็ง
เรือจะล่มในหนองครองกันเอง ไม่ต้องเกรงคฤหานินทากัน
พันธุคู่ครองต้องรักผัว ไม่ต้องกลัวหลักทรัพย์จะแปรผัน
จะได้มรดกตกทอดมาถึงกัน ที่เมียจัดสรรให้ได้ครอบครอง
ปัตนิชายคู่ครองต้องกุมลัคน์ ฝ่ายหญิงมักมาสู่ภิรมย์สอง
มาอยู่บ้านฝ่ายชายที่หมายปอง เข้าทำนองจากบ้านตามผัวมา
แม้ลัคน์ชายหมายชัดปัตนิ ชายจะริจากบ้านหมั่นมาหา
มาอยู่เหย้าเข้าอาศัยบ้านภรรยา ตามโบราณท่านว่าควรจดจำ
ภพปัตนินี่ซิพันธุแม่ ทั้งยายย่าก็แน่อย่าถลำ
จงศึกษาหาข้อที่ควรจำ เพื่อเป็นคำประกอบการทำนาย
|
คำอธิบายโคลงกลอนการอ่านดวงชะตา
บทนำ: การอ่านดวงชะตา
จะกล่าวถึงหลักวิชาการ
วิธีอ่านดวงชาตาในราศี
จะดีร้ายยากจนคนชั่วดี
ทั้งมั่งมีจนยากลำบากกาย
ความหมาย:
กลอนนี้เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงหลักการอ่านดวงชะตาในศาสตร์โหราศาสตร์ไทย โดยเน้นว่าดวงชะตาของแต่ละบุคคลนั้นสะท้อนถึงทั้งความดี ความชั่ว ความมั่งคั่ง หรือความยากจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งดาวเคราะห์ในราศีและเรือนต่าง ๆ ที่ปรากฏ
ลักษณะทั่วไปตามธาตุของลัคนา
ธาตุไฟ
ถ้าอยู่ราศีธาตุไฟมักใจร้อน
ร่างก็ค่อนข้างเกร็งแก่ไม่แปรผัน
ผิวก็คล้ำดำแดงเพราะแสงตะวัน
ดวงตานั้นติดจะคมผมหยิกลอน
ความหมาย:
-
ผู้ที่ลัคนาอยู่ในธาตุไฟมักมีอุปนิสัยใจร้อน เป็นคนกระตือรือร้น
-
รูปร่างมักผอมเพรียว ผิวคล้ำหรือออกแดง
-
ดวงตาคม ผมหยิกลอน
ธาตุน้ำ
ถ้าอยู่ราศีธาตุน้ำท่านกำหนด
ร่างหมดจดขาวแดงไม่หลอกหลอน
ร่างจะสูงอ้วนพีมีแง่งอน
ชอบสัญจรคบสู่หมู่สังคม
ความหมาย:
-
ผู้ที่อยู่ในธาตุน้ำจะมีรูปร่างสะอาดหมดจด ผิวขาวหรืออมแดง
-
บุคลิกอ่อนโยน รักสังคม ชอบพบปะผู้คน
ธาตุดิน
ถ้าธาตุดินสีดินเป็นสีผิว
ร่างสูงลิ่วหน้าเหลี่ยมไม่เหมาะสม
แต่หนักแน่นอดทนคนนิยม
แต่สังคมมักห่างต่างออกไป
ความหมาย:
-
ลัคนาธาตุดินมักมีผิวออกสีน้ำตาลหรือสีดิน รูปหน้ามักเหลี่ยม
-
มีความอดทนและหนักแน่น แต่ไม่ชอบเข้าสังคม
ธาตุลม
ถ้าธาตุลมผสมกันหลายสี
ดำมีขาวก็มีดูน่าขัน
บ้างสูงบ้างต่ำเหลื่อมล้ำกัน
จิตใจนั้นเรรวนปั่นป่วนไป
ความหมาย:
-
ลัคนาธาตุลมมักมีสีผิวผสมและรูปร่างที่หลากหลาย
-
จิตใจไม่มั่นคง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่ชอบอยู่กับที่
การดูภพต่าง ๆ ในดวงชะตา
เรือนการเงิน (กฎุมภะ)
จะดูการเงินการทองและของใช้
เรือนที่สองจุดหมายอย่าเหหัน
กฎุมภะคือข้าวของสารพัน
มากน้อยนั้นให้สังเกตเกษตรเรือน
ความหมาย:
-
การเงินและทรัพย์สินให้ดูที่เรือนกฎุมภะ (เรือนที่ 2)
-
หากเรือนนี้แข็งแรง มีดาวเกษตรหรือมหาอุจจ์ จะบ่งบอกถึงความมั่งคั่ง
เรือนญาติและมิตร (สหัชชะ)
ภพที่สามนามว่าสหัชชะฤา
ความหมายคือพี่น้องร่วมท้องตัว
การศึกษามิตรสหายเฉพาะตัว
จะดีชั่วอย่างไรดูให้ดี
ความหมาย:
-
เรือนสหัชชะ (เรือนที่ 3) แสดงถึงความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องและมิตรสหาย
-
หากมีดาวที่ดี เช่น ดาวเกษตรหรืออุจจ์ จะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีและความช่วยเหลือจากพี่น้อง
เรือนบ้านและครอบครัว (พันธุ)
ถ้าจะดูหลักฐานบ้านที่อยู่
พันธุดูเรือนเฉพาะก็เหมาะเหม็ง
ความหมาย:
-
เรือนพันธุ (เรือนที่ 4) บ่งบอกถึงที่อยู่อาศัยและสมบัติทางครอบครัว
-
หากเรือนนี้มีดาวเกษตรหรือมหาอุจจ์ บ่งบอกถึงบ้านและทรัพย์สินที่มั่นคง
เรือนคู่ครอง (ปัตนิ)
ถ้าจะดูคู่ครองหวังปองนั้น
จงหมายมั่นปัตนิอย่าสงสัย
ความหมาย:
-
เรือนปัตนิ (เรือนที่ 7) เป็นตัวแทนของคู่ครองและความสัมพันธ์ในชีวิตคู่
-
หากมีดาวดีในเรือนนี้ คู่ครองจะเป็นคนดี สนับสนุนกันในชีวิต
การอ่านดวงชะตาในเชิงลึก
แม้ลัคน์ชายหมายชัดปัตนิ
ชายจะริจากบ้านหมั่นมาหา
มาอยู่เหย้าเข้าอาศัยบ้านภรรยา
ตามโบราณท่านว่าควรจดจำ
ความหมาย:
-
ลักษณะของการย้ายถิ่นฐานหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตคู่ สามารถดูได้จากเรือนปัตนิ
-
หากเรือนปัตนิมีความสัมพันธ์กับพันธุ อาจบ่งบอกถึงการย้ายไปอยู่บ้านคู่ครอง
|
|
.....................................................................................................
ในตำราจักรทีปนีเก่าแก่ดั้งเดิม
ท่านเขียนเป็นโคลงกลอนเกี่ยวกับดาวพระเคราะห์ต่างๆ ไว้ดังนี้
ศรีสิทธิการี ยะสวัสดิไชยา
นมัตถุตำรา ประพฤติพจน์กล่าวกลอน
แถลงปางนพเคราะห์ สุรเทพโคจร
ในจักรากร ทิวทัศราศี
โดยอานุภาพผยอง จรท่องวิถีสี
พักร์เสริดและมณฑ์มี วิสมะห้าประการกล
ปางนี้แสดงโดย อัฎฐเคราะห์สเด็จดล
ห่อนเป็นจราจล วิปริตสุขภาพภัย
ปางองค์อาทิตย์เทพ สถิตย์ที่สถานใด
ราศีละเดือนไถง ก็ละล่าราศีจร
ฝ่ายจันทร์ประจำจักษ์ ทะวิวันระวีวร
กับกึ่งทิวากร บ่มินานก็ล่าลง
อังคารสถิตย์จักร์ จรโดยวะเวียนวง
เดือนครึ่งก็จำนง สละจักราคลา
พุธศุกร์ทั้งสองแสดง ดุจดังพระสุริยา
ราศีละมาสา ก็ละเลื่อนจักร์จรัล
พฤหัสบดี วรรษหนึ่งเล่าก็ล่าลี
เสาร์สู่สถานจักร์ อนึ่งนั้นคณามี
สองขวบกับกึ่งปี ก็สลัดราศีดล
ราหูสุรินทร์ฤท- ธิสถิตย์พลังตน
ปีกึ่งก็เกิดกล คติย้อนราศีไป
ปางทวยวราเทพฯ พระเคราะห์อัฎฐพิศัย
เสด็จโดยวิธีใด ปะทะทับและทันกัน
เมื่อมิตรก็แช่มชื่น บ่มีโทษแถลงทัณฑ์
ปางเป็นศัตรูสรร- พอุบาทว์วิบัติเข็ญ
โหราศาสตร์ก็พึงพิศ กระจ่างจิตวิจารณ์เห็น
แห่งพวกพระเคราะห์เป็น แลมิตรหมู่อริมา
ตกทับพระเคราะห์ใด สุขทุกข์จะบีฑา
คุณโทษฤอาญา ก็ตามฉบับรรพ์
..............................................................................................................................
|
บทนำ: การแสดงความเคารพตำรา
ศรีสิทธิการี ยะสวัสดิไชยา
นมัตถุตำรา ประพฤติพจน์กล่าวกลอน
ความหมาย:
-
กลอนเริ่มต้นด้วยการกล่าวแสดงความเคารพต่อ ตำราโหราศาสตร์ ที่รวบรวมความรู้ดั้งเดิมเกี่ยวกับดาวพระเคราะห์
แถลงปางนพเคราะห์ สุรเทพโคจร
ในจักรากร ทิวทัศราศี
ความหมาย:
-
กล่าวถึง ดาวพระเคราะห์ทั้ง 9 ดวง ว่าเป็นเทพที่มีอิทธิพลในการโคจรอยู่ในจักรราศีและส่งผลต่อชีวิตมนุษย์
อธิบายวิถีการโคจรของดาวพระเคราะห์
โดยอานุภาพผยอง จรท่องวิถีสี
พักร์เสริดและมณฑ์มี วิสมะห้าประการกล
ความหมาย:
-
ดาวพระเคราะห์มีพลังอานุภาพในการโคจรที่แตกต่างกัน โดยมี 5 ลักษณะสำคัญ ได้แก่
-
พักร์: การถอยหลัง
-
เสริด: การเดินหน้าเร็ว
-
มณฑ์: การหยุดนิ่ง
-
วิสมะ: การเคลื่อนที่ผิดปกติ
-
กล: การผันผวนในวิถีการโคจร
ปางนี้แสดงโดย อัฎฐเคราะห์สเด็จดล
ห่อนเป็นจราจล วิปริตสุขภาพภัย
ความหมาย:
-
การโคจรของดาวพระเคราะห์ 8 ดวง ส่งผลต่อดวงชะตาและสุขภาพ หากอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดความวิปริต
การโคจรของดาวแต่ละดวง
ปางองค์อาทิตย์เทพ สถิตย์ที่สถานใด
ราศีละเดือนไถง ก็ละล่าราศีจร
ความหมาย:
-
ดวงอาทิตย์ ใช้เวลา 1 เดือนในแต่ละราศีก่อนที่จะเคลื่อนต่อ
ฝ่ายจันทร์ประจำจักษ์ ทะวิวันระวีวร
กับกึ่งทิวากร บ่มินานก็ล่าลง
ความหมาย:
-
ดวงจันทร์ เคลื่อนผ่าน 1 ราศีในทุก 2 วันครึ่ง
อังคารสถิตย์จักร์ จรโดยวะเวียนวง
เดือนครึ่งก็จำนง สละจักราคลา
ความหมาย:
-
ดาวอังคาร ใช้เวลา 1 เดือนครึ่งในแต่ละราศีก่อนเคลื่อนไป
พุธศุกร์ทั้งสองแสดง ดุจดังพระสุริยา
ราศีละมาสา ก็ละเลื่อนจักร์จรัล
ความหมาย:
-
ดาวพุธและดาวศุกร์ ใช้เวลา 1 เดือนในแต่ละราศีเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์
พฤหัสบดี วรรษหนึ่งเล่าก็ล่าลี
เสาร์สู่สถานจักร์ อนึ่งนั้นคณามี
ความหมาย:
-
ดาวพฤหัสบดี ใช้เวลา 1 ปีในแต่ละราศี
-
ดาวเสาร์ ใช้เวลา 2 ปีครึ่งในแต่ละราศี
ราหูสุรินทร์ฤท- ธิสถิตย์พลังตน
ปีกึ่งก็เกิดกล คติย้อนราศีไป
ความหมาย:
-
ดาวราหู ใช้เวลา 1 ปีครึ่งในแต่ละราศี และเคลื่อนที่ย้อนกลับ
ผลของการโคจรและตำแหน่งดาว
เมื่อมิตรก็แช่มชื่น บ่มีโทษแถลงทัณฑ์
ปางเป็นศัตรูสรร- พอุบาทว์วิบัติเข็ญ
ความหมาย:
-
หากดาวพระเคราะห์อยู่ในตำแหน่งที่เป็นมิตร จะส่งผลดีให้เจ้าชะตามีความสุขและความสำเร็จ
-
หากดาวพระเคราะห์อยู่ในตำแหน่งศัตรูหรือเป็นอริ จะก่อให้เกิดทุกข์หรืออุปสรรค
โหราศาสตร์ก็พึงพิศ กระจ่างจิตวิจารณ์เห็น
แห่งพวกพระเคราะห์เป็น แลมิตรหมู่อริมา
ความหมาย:
-
ผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ควรพิจารณาตำแหน่งของดาวเคราะห์อย่างละเอียด ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ของมิตรและศัตรู เพื่อวิเคราะห์ผลดีร้ายในดวงชะตา
ตกทับพระเคราะห์ใด สุขทุกข์จะบีฑา
คุณโทษฤอาญา ก็ตามฉบับรรพ์
ความหมาย:
-
การที่ดาวพระเคราะห์ตกทับในเรือนใด จะส่งผลต่อสุขหรือทุกข์ในชีวิตของเจ้าชะตา ซึ่งเป็นไปตามคำอธิบายในตำราโบราณ
บทสรุป:
โคลงกลอนนี้อธิบายถึงการโคจรและอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ในแต่ละราศี รวมถึงผลกระทบต่อดวงชะตา ทั้งในแง่บวก (มิตร) และลบ (ศัตรู) ผู้ศึกษาควรใช้ความเข้าใจตำแหน่งและวิถีของดาวเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถทำนายดวงชะตาได้อย่างถูกต้องและลึกซึ้ง
|
|
|