จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้



 
จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้
 

จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือชื่อเต็มว่า ฉินสื่อหวงตี้ (秦始皇帝) เป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีนที่รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว และเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน (221–206 ปีก่อนคริสต์ศักราช) นับว่าเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการปกครอง การบริหาร และวัฒนธรรมจีนยุคต่อมา

ประวัติชีวิตโดยย่อ

1. ชื่อจริงและตระกูล
จิ๋นซีฮ่องเต้มีชื่อเดิมว่า อิ๋งเจิ้ง (嬴政) เกิดในปี 259 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นบุตรของเจ้าชายอี้เหรินแห่งรัฐฉิน ซึ่งในขณะนั้นเป็นตัวประกันอยู่ที่รัฐจ้าว อิ๋งเจิ้งเกิดในช่วงที่ตระกูลกำลังเผชิญความวุ่นวาย ทำให้ต้องเจริญเติบโตในรัฐจ้าวที่เป็นศัตรูกับรัฐฉิน

2. ขึ้นสู่บัลลังก์
เมื่ออายุ 13 ปี อิ๋งเจิ้งขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งรัฐฉิน หลังจากที่บิดาของเขาสิ้นพระชนม์ ในช่วงแรกยังเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม อิ๋งเจิ้งเริ่มแสดงอำนาจด้วยการจัดการบริหารและปกครองด้วยตนเองอย่างเด็ดขาด

3. การรวมแผ่นดินจีน
หลังจากจัดการกับปัญหาภายในรัฐแล้ว อิ๋งเจิ้งเริ่มขยายอำนาจไปยังรัฐอื่น ๆ โดยอาศัยการรบที่เข้มแข็ง การรวมแผ่นดินของจีนจบสิ้นในปี 221 ก่อนคริสต์ศักราช ทำให้รัฐต่าง ๆ ได้แก่ รัฐจ้าว รัฐฉี รัฐฉู่ รัฐเว่ย รัฐฮั่น และรัฐเยี่ยน ถูกยึดครองและรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐฉิน

4. การเปลี่ยนแปลงการปกครองและการใช้ชื่อ
เมื่อรวมแผ่นดินสำเร็จแล้ว อิ๋งเจิ้งได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยตั้งตนเป็นจักรพรรดิ และใช้นามว่า ฉินสื่อหวงตี้ หรือ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ซึ่งหมายถึง “จักรพรรดิองค์แรกแห่งฉิน” ซึ่งถือว่าเป็นการตั้งชื่อจักรพรรดิที่เป็นมาตรฐานใหม่

5. การบริหารบ้านเมืองและการปฏิรูป
จิ๋นซีฮ่องเต้ใช้มาตรการปกครองที่เข้มงวดและเคร่งครัด รวมถึงการปฏิรูปในหลายด้าน:

  • การบริหารการปกครอง: จัดระบบการปกครองให้มีศูนย์กลางและรวมอำนาจไว้อย่างชัดเจน กำจัดอำนาจขุนนางท้องถิ่น
  • การสร้างมาตรฐาน: บัญญัติให้ใช้ตัวอักษรและระบบหน่วยวัดเป็นแบบเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อให้การสื่อสารและการค้าราบรื่นยิ่งขึ้น
  • การก่อสร้างทางประวัติศาสตร์: สร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ สร้างระบบทางหลวงและคลองลำเลียงที่เชื่อมโยงทั่วแผ่นดินจีน
  • เผาทำลายหนังสือ: เข้าควบคุมความคิดของประชาชนโดยการเผาหนังสือที่เขียนถึงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงหนังสือที่มีความเห็นต่างทางการเมืองและปรัชญา

6. วาระสุดท้ายของชีวิต
จิ๋นซีฮ่องเต้เสียชีวิตในปี 210 ก่อนคริสต์ศักราช ขณะเดินทางไปตระเวนตรวจบ้านเมือง เนื่องจากพระองค์มีความต้องการที่จะเป็นอมตะ จึงพยายามแสวงหายาอายุวัฒนะ ซึ่งสุดท้ายทำให้เขาทรงเจ็บป่วยจนสิ้นพระชนม์

บุคลิกลักษณะ นิสัย และท่าทาง

  1. บุคลิกลักษณะ

    • เคร่งขรึมและเด็ดขาด: จิ๋นซีฮ่องเต้มีบุคลิกที่จริงจังและเคร่งขรึม มีความตั้งใจและเด็ดขาดในการตัดสินใจ
    • มีพลังแห่งการนำที่เข้มแข็ง: จิ๋นซีฮ่องเต้สามารถรวบรวมรัฐต่าง ๆ และจัดการขุนนาง รวมถึงเหล่าทหารให้ทำตามคำสั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • กล้าเสี่ยงและมีความทะเยอทะยานสูง: เขามีความฝันที่ยิ่งใหญ่และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อบรรลุความฝันนั้น เช่น การเป็นอมตะ การรวมแผ่นดิน และการก่อสร้างมหากาพย์ต่าง ๆ
  2. นิสัย

    • โหดเหี้ยมและเผด็จการ: เขามักใช้อำนาจอย่างรุนแรงในการจัดการปัญหา โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเขา หรือแสดงอาการต่อต้าน
    • มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง: จิ๋นซีฮ่องเต้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก บางครั้งถึงขั้นไม่รับฟังคำแนะนำจากผู้อื่น โดยเฉพาะในเรื่องการแสวงหายาอายุวัฒนะ
    • พยายามควบคุมทุกสิ่งรอบตัว: จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในระเบียบเดียวกัน และเข้มงวดในเรื่องกฎเกณฑ์และความสามัคคี
  3. ท่าทางและการแสดงออก

    • ท่าทางสง่างามและทรงพลัง: จิ๋นซีฮ่องเต้มักมีท่าทางที่หนักแน่นและทรงพลัง ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจของจักรพรรดิ
    • สีหน้าที่เคร่งขรึม: สีหน้าของเขามักจะแสดงออกถึงความเคร่งขรึม ไม่ได้แสดงอารมณ์อ่อนโยนหรือเป็นมิตรต่อคนทั่วไป

จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นผู้ที่มีทั้งคุณูปการและข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายในประวัติศาสตร์ แม้จะถูกจดจำในฐานะผู้รวมแผ่นดิน แต่การใช้อำนาจที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยมก็ทำให้เขาถูกกล่าวถึงในแง่ที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเผาหนังสือและการจัดการกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย

จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นจักรพรรดิที่ทรงอำนาจที่สุดของจีนโบราณ และมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานของประเทศจีน ความสามารถและการปกครองของเขามีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ส่งผลต่อแผ่นดินจีนในยุคนั้นและยุคต่อมา โดยสามารถสรุปข้อดีและข้อเสียได้ดังนี้:

ข้อดีของจิ๋นซีฮ่องเต้

  1. การรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว

    • จิ๋นซีฮ่องเต้ประสบความสำเร็จในการรวมแผ่นดินจีนให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน การรวมแผ่นดินนี้ทำให้จีนมีความแข็งแกร่งขึ้น มีการขยายดินแดนและลดความขัดแย้งระหว่างรัฐต่าง ๆ การรวมประเทศนี้ส่งผลให้จีนเป็นชาติมหาอำนาจในภูมิภาค และเป็นรากฐานให้กับอารยธรรมจีน
  2. การวางรากฐานระบบการปกครองแบบรวมศูนย์

    • เขาสร้างระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ โดยกำจัดอำนาจขุนนางท้องถิ่น ทำให้การบริหารบ้านเมืองมีความเป็นระเบียบมากขึ้นและรัฐบาลมีความเข้มแข็ง ซึ่งระบบการปกครองแบบนี้กลายเป็นต้นแบบให้จักรวรรดิจีนยุคหลัง ๆ
  3. มาตรฐานด้านการสื่อสารและหน่วยวัด

    • จิ๋นซีฮ่องเต้สั่งให้ใช้ตัวอักษร หน่วยวัด หน่วยชั่งตวงและมาตรฐานถนนให้เหมือนกันทั่วประเทศ การปฏิรูปนี้ช่วยให้การค้าขาย การสื่อสาร และการคมนาคมระหว่างเมืองและรัฐต่าง ๆ ราบรื่น ลดความสับสนและความยุ่งยากในระบบต่าง ๆ ของอาณาจักร
  4. การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างสำคัญ

    • เขาเริ่มก่อสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ ซึ่งในเวลาต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “กำแพงเมืองจีน” กำแพงนี้ไม่เพียงแต่เป็นโครงการป้องกันทางทหาร แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นปึกแผ่นและความยิ่งใหญ่ของจีน
    • นอกจากนี้ยังมีการสร้างระบบถนนและลำคลองเชื่อมโยงทั่วประเทศ ทำให้การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้นและช่วยในการควบคุมประชากรและการเคลื่อนย้ายทหาร
  5. ส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในระยะสั้น

    • นโยบายที่เข้มงวดและอำนาจในการปกครองของจิ๋นซีฮ่องเต้ทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในระยะสั้น การขจัดขุนนางที่ไม่ซื่อสัตย์ และปราบปรามกบฏต่าง ๆ ทำให้แผ่นดินจีนเกิดความมั่นคงและเสถียรภาพในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย
 

ข้อเสียของจิ๋นซีฮ่องเต้

  1. การใช้อำนาจอย่างโหดเหี้ยมและเผด็จการ

    • จิ๋นซีฮ่องเต้ปกครองด้วยความรุนแรงและเข้มงวด เขาสั่งประหารผู้ที่คัดค้านหรือต่อต้าน และลงโทษผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเขา ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนและชนชั้นขุนนาง การปกครองด้วยความโหดเหี้ยมนี้ทำให้หลายคนไม่พอใจและขาดความศรัทธา
  2. การเผาทำลายหนังสือและกดขี่ความคิด

    • จิ๋นซีฮ่องเต้พยายามควบคุมความคิดของประชาชนโดยสั่งเผาหนังสือหลายประเภท และจำกัดการศึกษาของประชาชน ซึ่งเป็นการจำกัดการพัฒนาทางปัญญาและการแสดงความคิดเห็น การเผาหนังสือนี้ทำลายองค์ความรู้และวรรณกรรมเก่าแก่จำนวนมาก ทำให้จีนสูญเสียทรัพยากรทางความรู้และประวัติศาสตร์
  3. การก่อสร้างที่บั่นทอนชีวิตและสุขภาพของประชาชน

    • โครงการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น กำแพงเมืองจีนและสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ใช้แรงงานจำนวนมากและมีสภาพการทำงานที่ยากลำบาก ประชาชนจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปทำงานและต้องเสียชีวิตในโครงการเหล่านี้ ทำให้ประชาชนไม่พอใจและรู้สึกว่าตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบ
  4. การแสวงหายาอายุวัฒนะและความเป็นอมตะอย่างงมงาย

    • ในช่วงบั้นปลายชีวิต จิ๋นซีฮ่องเต้หมกมุ่นกับการแสวงหายาอายุวัฒนะและความเป็นอมตะ ทำให้เขาถูกหลอกลวงจากนักเล่นแร่แปรธาตุและใช้ทรัพยากรของประเทศไปกับการค้นหาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผลที่ตามมาคือการบริหารบ้านเมืองในช่วงสุดท้ายของรัชกาลมีความเสื่อมโทรมและไร้ประสิทธิภาพ
  5. ทิ้งปัญหาให้แก่ราชวงศ์ฉิน

    • แม้จะสร้างความยิ่งใหญ่ แต่การปกครองที่โหดเหี้ยมและการใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างอย่างมหาศาลทำให้ประชาชนอดอยาก และความโหดร้ายที่เขาทำไว้ส่งผลให้เกิดการต่อต้านจากประชาชน ราชวงศ์ฉินจึงล่มสลายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่นาน เนื่องจากประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านและไม่ศรัทธาในราชวงศ์อีกต่อไป

บทสรุปของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้

พระองค์เป็นจักรพรรดิที่มีอิทธิพลและเป็นผู้บุกเบิกหลายสิ่ง แต่การใช้อำนาจอย่างโหดเหี้ยมและการบริหารที่เน้นการบังคับใช้มากกว่าการพัฒนาทำให้เขาเป็นทั้ง “ผู้สร้าง” และ “ผู้ทำลาย” ของราชวงศ์ฉิน แม้ผลงานของเขาจะส่งผลดีต่อจีนในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันความเผด็จการและการไม่คำนึงถึงประชาชนของเขาก็สร้างบาดแผลให้กับแผ่นดินจีน

 
 
เขียน/เรียบเรียงโดย  อ.อรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์
๕ มกราคม ๒๕๔๘


[ รวม Tag ทั้งหมด ]

 

 



เมนูหลัก



บทความทั่วไปเกี่ยวกับโหราศาสตร์