อาจารย์ในดวงใจ


อ.เกรียงไกร บุญธกานนท์ 

อ.เกรียงไกรศึกษาค้นคว้าวิชาฮวงจุ้ยมานานกว่า50ปี ท่านได้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของวิชาที่สืบทอดมาหลายพันปีจึงได้ก่อตั้งภูมิโหราศาสตร์เมื่อปีพ.ศ.2531เพื่อเผยแพร่วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาทานแก่บุคคลทั่วไปพร้อมทั้งก่อตั้งมูลนิธิฮูลินที่แก่งคอยจ.สระบุรี ให้เป็นสุสานตัวอย่างที่จัดสร้างตามหลักวิชาที่ถูกต้อง เพื่อการศึกษาและใช้ประโยชน์

 

อ.เกรียงไกร บุญธกานนท์ เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม 2477 มีชื่อจีนว่า เกียงเอี๋ยว สืบเชื้อสาย ตระกูลโง้วจากบรรพบุรุษชาวจีน ผู้ล่องเรือมาจากแผ่นดินใหญ่ เพื่อมาตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินไทย ที่จังหวัด ชลบุรี คุณเกรียงไกรเป็นบุตรชายคนโต ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 14 คน เป็นชาย 7 หญิง 7เมื่อแรก ครอบครัวของคุณเกรียงไกรเลี้ยงชีพด้วยอาชีพเดินเรือ ของคุณปู่และคุณพ่อ

ต่อมาเมื่ออ.เกรียงไกรอายุได้ 2 ขวบ คุณปู่ได้ตัดสินใจ เปลี่ยนไปทำโรงงานน้ำปลา เพราะเห็นว่าน่าจะมั่นคงกว่า ธุรกิจโรงงานน้ำปลา แม้จะต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความมานะบากบั่นของทุกคนในครอบครัว กิจการจึงค่อย ๆ ขยายตัวและตั้งมั่น โดยที่อ.เกรียงไกรเป็นผู้มีส่วนสำคัญ ในการบุกเบิก ธุรกิจนี้ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี

อ.เกรียงไกร แต่งงานเมื่อ พ.ศ. 2501 มีบุตร 7 คน เป็นชาย 1 หญิง 6 ปัจจุบัน นอกจากดูแลงาน บริหารกิจการโรงงานน้ำปลาแล้ว ท่านยังเป็นประธาน ชมรมภูมิโหราศาสตร์ ซึ่งตนเองได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2531 มูลนิธิ สุสาน ฮูลิน - แก่งคอย สระบุรี

ด้วยวัตถุประสงค์ ที่จะเผยแพร่ ศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย ให้เป็นที่แพร่หลาย  อีกทั้ง ได้ก่อตั้ง มูลนิธิ ภูมิโหราศาสตร์ (ฮูลิน) ขึ้นในปี พ.ศ.2536 ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินกิจกรรมการกุศล อันเกี่ยวข้องกับ พิธีกรรม การฝังศพตามประเพณีจีน และเพื่อเป็น สุสาน ตัวอย่าง ที่สร้างถูกต้อง ตามหลักวิชาการทั้งหมด


ประสบการณ์ในศาสตร์ลึกลับ (ฮวงจุ้ย สุสาน ) :
อ.เกรียงไกรเริ่มศึกษาศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย เมื่ออายุประมาณ 20 ปี โดย อาจารย์หยกซิ่ว แซ่โง้ว เหล่าเจ็ก (น้องชายคุณปู่) เป็นผู้สอน ได้มีโอกาสใช้หลักวิชาการ เป็นครั้งแรก เมื่อต้องย้าย สุสาน ของอาม่า เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดิน ในเบื้องแรก  เหล่าเจ็กแนะนำให้ใช้ที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งมีอยู่แล้ว แต่ถูกซินแสหลายคนทัดทานว่า ใช้ไม่ได้
แม้เหล่าเจ็กจะแน่ใจว่าใช้ได้ แต่เมื่อถูกคัดค้านจากหลายเสียง จึงต้องออกตระเวนหา ที่สำหรับทำสุสานกับอ.เกรียงไกร เมื่อหาเท่าไรก็หาไม่ได้ เหล่าเจ็กจึงตัดสินใจว่าให้ใช้ที่ดินที่มีอยู่แล้วทำเป็น สุสานโดยให้คำรับรองกับทุกคนว่า เมื่อทำไปแล้ว ธุรกิจของครอบครัวจะขยายขึ้นเท่าตัวในปีแรกและจะถึงร้อยเท่าใน10 ปี

ในที่สุด เหล่าเจ็กและอ.เกรียงไกรก็ช่วยกันเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นที่ ปรับใหม่ให้มี องค์ประกอบถูกต้อง ตามหลักการของ ฮวงจุ้ย หลังจากย้ายสุสานอาม่า กิจการที่เคยมีรถขายน้ำปลาอยู่ 1 คัน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 คัน ในปีถัดมา ตรงตามคำของเหล่าเจ็กที่ว่าการค้าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว

จากนั้นกิจการก็ขยายตัวเรื่อยมาจนกระทั้ง ในปีที่ 9 รถขายน้ำปลามีถึง 98คัน ทว่าในปีที่ 10 รัฐบาลมีโครงการตัดทางรถไฟไปพัทยา และเส้นทางนั้นต้องเจาะอุโมงค์ผ่านเหนือสุสาน ของอาม่า หลังจากนั้นธุรกิจก็ล้มเหลว อ.เกรียงไกรล้มป่วยด้วยโรคตับแข็ง ต้องรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 3 ปี โดยที่อาการมีแต่ทรงกับทรุด ช่วงนี้เหล่าเจ็กเสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือแต่อ.เกรียงไกรคนเดียวที่จะต้องเป็นผู้หาสุสานใหม่ให้อาม่า

เมื่ออ.เกรียงไกรรู้สึกว่าอาการป่วยทุเลาพอจะไปหาที่ทำสุสานได้ จึงออกหา บังเอิญพบภูเขาลูกหนึ่งซึ่งวัดองศาดูแล้ว อยู่ในทิศทางที่มีราศีมาเข่นฆ่าราศี ที่ทำให้อ.เกรียงไกรป่วยหนักถึงขนาดจะสิ้นอายุได้

อ.เกรียงไกรจึงตัดสินใจสร้างสุสานอาม่าที่ภูเขาลูกนั้นทันที หลังจากย้ายสุสานให้อาม่าได้ 1 ดือน อาการป่วยของอ.เกรียงไกรดีขึ้นมากกว่าเท่าตัวอย่างเหลือเชื่อ ต่อมาในเดือนที่ 3 อาการป่วยก็หายสนิท ทั้งที่แพทย์เคยบอกว่า อาการ ตับแข็งของอ.เกรียงไกร ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  เมื่อสุขภาพดีขึ้นธุรกิจก็เริ่มฟื้นตัว อ.เกรียงไกรจึงเชื่อมั่นในอิทธิพลของศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย มาจนบัดนี้


 

 

 

 

 

งานไหว้ครูประจำปี (ไหว้อาจารย์ปู่ หยกซิ่ว แซ่โง้ว )
จากประสบการณ์สู่เจตนารมณ์ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์ที่ลึกลับเพราะการสืบทอดวิชาจากรุ่นต่อรุ่น บางครั้งมีการ สงวนเคล็ดสำคัญไว้ จนหลักวิชาค่อย ๆ เลือน และถูกลดทอนอย่างน่าเสียดายเนื่องจากได้ประสบกับความมหัศจรรย์ของวิชานี้ด้วยตนเอง อ.เกรียงไกรจึงคิดว่า ฮวงจุ้ย เป็นวิชาที่มีคุณค่าสามารถนำมาใช้ได้จริง สมควรที่จะได้รับการถ่ายทอดให้คงอยู่ และพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ

ด้วยความคิดนี้ จึงได้ก่อตั้งชมรมภูมิโหราศาสตร์ ขึ้น เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาของ บรรพชน และเผยแพร่ในวงกว้างอย่างมีหลักวิชาการ พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตร ให้เกิดการเรียนรู้ อย่างเป็นระบบมากขึ้นอีกประการหนึ่ง เนื่องจากผู้ทำสุสาน และซินแส ส่วนหนึ่ง มิได้เคร่งครัด ต่อหลักวิชาการของ ฮวงจุ้ย ในการประกอบพิธีกรรม การฝังศพเท่าที่ควร อ.เกรียงไกร จึงต้องการทำ สุสาน ที่ถูกต้องตามหลัก ฮวงจุ้ย ไว้เป็นตัวอย่าง ให้ผู้ทำ สุสาน ตลอดจนคนทั่วไปได้ศึกษา
ทั้งนี้ก็เพราะอ.เกรียงไกรตระหนักดี ถึงผลกระทบอันรุนแรง ที่ สุสาน ของบรรพบุรุษส่งผลต่อลูกหลาน มูลนิธิฮูลิน (สุสานฮูลิน) จึงได้ก่อกำเนิดขึ้น ในเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีและบัดนี้เจตนารมณ์ที่จะได้เห็น ศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย ได้รับการสืบทอดและพัฒนา เป็นรูปลักษณ์ชัดเจนแล้วในนาม ชมรมภูมิโหราศาสตร์ และ มูลนิธิฮูลิน

 

อ.เกรียงไกรในฐานะ อาจารย์ใหญ่
อ.เกรียงไกร ในบทบาทของความเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย ให้แก่ผู้ใฝ่รู้ ซึ่งปวารณาตัวเป็นศิษย์ ได้สะท้อนมุมมองของตนเอง ผ่านทางหลักการและคำสอนออกมาในหลาย ๆ ด้าน เช่น

ความกตัญญู :
คตินิยมของชาวจีน ให้ความสำคัญในเรื่อง ความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เป็นอย่างยิ่ง อ.เกรียงไกร ไม่เพียง แต่จะสอนเน้นเรื่องความกตัญญูในห้องบรรยายเท่านั้น แต่ยังได้ถือปฏิบัติ เป็นธรรมเนียมส่วนตัวเสมอมา ในวาระครบรอบวันเกิด เมื่อมีผู้จัดงาน ฉลองวันเกิดให้ อ.เกรียงไกรจะขออนุญาตเก็บเค้กชิ้นแรกที่ตัดไว้ให้คุณแม่เสมอ แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ ร่วมในงานนั้น อ.เกรียงไกรกล่าวว่า "ในวันเกิด บุคคลที่เราควรระลึกถึงที่สุดก็คือ แม่ เพราะในวันที่ เราเกิด เป็นวันที่แม่เจ็บปวดที่สุด"

ความมีมารยาท :
อ.เกรียงไกรให้ความสำคัญกับการให้เกียรติผู้อื่น มักจะบอกกล่าวลูกศิษย์จน เกือบจะเป็นกฏเกณฑ์ ของชมรมฯ ทีเดียวว่า ต้องให้ความเคารพต่อผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี หรือยาจก เพราะวัยวุฒิของเขาสูงกว่า ในขณะเดียวกัน ก็ต้องให้เกียรติแก่ผู้มีวิชาแม้เขาจะยังอายุน้อย เพราะเขามีคุณวุฒิสูง
เนื่องจากศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย มีหลายสาขาวิชาและหลายสำนัก ความแตกต่าง ในรายละเอียด ของวิชาการแต่ละสำนัก มักเป็นสาเหตุแห่งการกระทบกระทั่ง คุณเกรียงไกรสอนศิษย์ว่า ห้ามกล่าวร้ายหรือลบหลู่ผู้อื่น ตลอดจนห้ามยกตนเหนือผู้อื่น พึงระลึกว่า ศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย มีหลายระบบ แต่ละระบบล้วนมีความดี เราควรยึดมั่นในระบบของเราและ ไม่ลบหลู่ ระบบของ สำนักอื่น

ความมีคุณธรรม :
อ.เกรียงไกรสอนศิษย์เสมอว่า ผู้ที่จะใช้ศาสตร์แห่ง ฮวงจุ้ย ไปทำนายทายทัก หรือจัดวาง ทำเลมงคล ให้บุคคลอื่นจะต้องตั้งใจทำให้ครบถ้วน ตามกระบวนการ ของวิชา ห้ามรวบรัด ฉาบฉวย และต้องคำนึงถึง ความถูกต้องให้มากที่สุด เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากความผิดพลาดนั้น อาจจะถึงกับทำให้ชีวิตล้มเหลว หรือล้มหายตายจากได้

ความมีเหตุมีผล :
แม้อ.เกรียงไกรจะสอน วิชาฮวงจุ้ย ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความเชื่อ แต่อ.เกรียงไกรก็เน้นว่า ควรจะเชื่อแต่พอเหมาะ เชื่ออย่างเข้าใจในหลักการและเหตุผล ไม่ใช่เพียงแต่ฟังแล้วจำไปเชื่อ การประยุกต์ใช้หลักวิชา จะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตไม่ขัดกับ ประโยชน์ใช้สอย หรือธรรมชาติของการใช้ชีวิตประจำวัน จึงจะเป็นฮวงจุ้ย ที่ไม่งมงาย " ขอให้เรียน เรียนให้ครบ เรียนให้รู้ เรียนไปแล้วขอให้มีการพัฒนา "

มีคำกล่าวว่า :
มีลูกศิษย์ เป็นจอหงวน แต่ไม่มีอาจารย์เป็นจอหงวน  หมายความว่า หน้าที่โดยตรงของอาจารย์คือ สอนศิษย์ให้เก่งกว่าอาจารย์ "

 




อ.เกรียงไกร บุญธกานนท์ 
ประธานชมรมภูมิโหราศาสตร์ ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง

 
 

ขอบคุณบทความนิตยสารดิฉัน และหยิน