ความเชื่อเรื่องชุดแต่งงาน
![]() |
ความเชื่อเกี่ยวกับชุดแต่งงาน |
|
“พิธีสมรส” ไม่เพียงเป็นการประกาศต่อหน้าญาติพี่น้องและสังคม หากยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของชายหญิงคู่หนึ่ง ดังนั้น ทุกองค์ประกอบในพิธีจึงมีความหมายแฝงอันลึกซึ้ง โดยเฉพาะ “ชุดแต่งงานของเจ้าสาว” ซึ่งถือเป็นหัวใจของงานพิธีและเป็นภาพที่ถูกจดจำตราตรึงไปชั่วกาลนาน ต้นกำเนิดความนิยมชุดเจ้าสาวสีขาวหลายตำนานกล่าวว่า “สีขาว” เป็นสีแห่งความสุขและความบริสุทธิ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ในอีกด้านหนึ่งก็มีบันทึกว่า พระราชินีและเจ้าหญิงผู้ทรงอิทธิพลในยุโรปเป็นผู้จุดประกายแฟชั่นนี้ เช่น เจ้าหญิงแอนน์แห่งบริตตานี สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย และพระชายาของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ต่างทรงฉลองพระองค์ชุดขาวล้วนในพระราชพิธีอภิเษกสมรส ทำให้หญิงสาวทั่วไปในยุคต่อมาเลียนแบบเป็นค่านิยม และนับแต่นั้น “สีขาว” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าสาวไปทั่วโลก ก่อนหน้านั้นเจ้าสาวในหลายประเทศยังสามารถเลือกสีเสื้อผ้าได้ตามใจชอบ แต่มีคำพังเพยและความเชื่อที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปีว่า สีต่าง ๆ ของชุดแต่งงานนั้นมีผลต่อโชคชะตาคู่ครองและชีวิตหลังแต่งงาน ความหมายของสีชุดแต่งงานตามความเชื่อโบราณ
มุมมองเชิงโหราศาสตร์และจิตวิญญาณเมื่อมองในเชิงโหราศาสตร์ สีเสื้อผ้าที่สวมใส่มีความสัมพันธ์กับ “พลังธาตุ” ที่ห่อหุ้มตัวบุคคล วัน เวลา และสถานที่ หากเลือกสีที่สอดคล้องกับดวงชะตาของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ย่อมช่วยเสริมความสมดุลแห่งพลังชีวิต เช่น
โบราณาจารย์มักแนะนำให้เลือกสีที่เกื้อหนุนดวงชะตา ไม่ใช่เพียงตามแฟชั่น เพื่อให้การครองคู่ดำเนินไปอย่างมั่นคงราบรื่น |
| ความเชื่อเกี่ยวกับ “สีของชุดแต่งงาน” แม้จะเป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาและความหวังของผู้คนที่ปรารถนาให้ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างราบรื่นมั่นคง ในเชิงโหราศาสตร์ เรามองว่าสีคือพลังงานอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อจิตใจและวิถีชีวิต ดังนั้น การเลือกชุดแต่งงานจึงไม่เพียงแค่การเลือกความงามภายนอก หากยังเป็นการเลือกพลังที่สอดคล้องกับชะตาฟ้าและดวงดาว เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ที่มั่นคงและงดงามที่สุดในชีวิตคู่ |
ความเชื่อเกี่ยวกับชุดแต่งงาน (ต่อ) |
เปรียบเทียบวัฒนธรรมไทย–จีน–ตะวันตก“การแต่งงาน” เป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดพิธีหนึ่งในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรมใด ล้วนถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากชีวิตส่วนตัวสู่การครองคู่และสร้างครอบครัวใหม่ ดังนั้น ทุกองค์ประกอบจึงถูกยกย่องว่ามีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ไม่เว้นแม้แต่ “ชุดเจ้าสาว” ที่กลายเป็นภาพแห่งความทรงจำ และยังสะท้อนแนวคิด ความเชื่อ ตลอดจนโหราศาสตร์ของแต่ละสังคมได้อย่างชัดเจน ๑. ชุดเจ้าสาวในวัฒนธรรมตะวันตกความนิยมในชุดเจ้าสาวสีขาว เริ่มต้นจากสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ.1840 ที่ทรงสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ประดับลูกไม้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต ภาพนั้นถูกเผยแพร่ไปทั่วราชสำนักยุโรปและแพร่กระจายไปยังสามัญชนในที่สุด สีขาวจึงถูกตีความว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ ความซื่อสัตย์ และการเริ่มต้นใหม่ที่สะอาดบริสุทธิ์ ก่อนหน้านั้นเจ้าสาวในยุโรปมักสวมชุดสีตามฐานะหรือความนิยมในท้องถิ่น เช่น แดง น้ำเงิน หรือทอง แต่หลังจากวิคตอเรีย สีขาวจึงกลายเป็น “มาตรฐานสากล” จนถึงปัจจุบัน และยังถูกเชื่อมโยงกับความหมายเชิงพยากรณ์ตามสี เช่น ขาวคือคู่ครองที่ถูกต้อง ฟ้าคือความซื่อสัตย์ แดงคือความเร่าร้อนเกินพอดี ฯลฯ ๒. ชุดเจ้าสาวในวัฒนธรรมจีนหากกล่าวถึง “จีน” สีที่โดดเด่นที่สุดในงานแต่งย่อมหนีไม่พ้น สีแดง เพราะถือเป็นสีแห่งโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และพลังชีวิต เจ้าสาวมักสวมชุดกี่เพ้าหรือฉลองพระองค์ปักลายมังกร–ฟีนิกซ์ คู่สัญลักษณ์ของสามีภรรยาที่สมบูรณ์ สีทองยังถูกใช้ร่วมกับสีแดงเพื่อเสริมความมั่งคั่งและบารมี ในเชิงโหราศาสตร์จีน สีแดงสัมพันธ์กับธาตุไฟ ซึ่งกระตุ้นความอบอุ่น ความรัก และพลังชีวิต ส่วนสีทองสัมพันธ์กับธาตุดินและธาตุทองที่หมายถึงความมั่นคงและความมั่งคั่ง การเลือกชุดแต่งงานจึงมิใช่เพียงแฟชั่น แต่เป็นการเชื่อมโยงพลังธาตุให้เสริมดวงชะตาของคู่บ่าวสาว ๓. ชุดเจ้าสาวในวัฒนธรรมไทยประเทศไทยมีเอกลักษณ์งดงามในการเลือกใช้ “ชุดไทยประเพณี” ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งไทยจักรี ไทยศิวาลัย ไทยเรือนต้น หรือไทยบรมพิมาน การเลือกชุดมักสัมพันธ์กับฤกษ์ยาม วันเดือนปีเกิด และกาลโยค เช่น หากเป็นวันธงชัยนิยมใช้สีสดใสเพื่อความเจริญ หากเป็นวันอธิบดีเลือกสีที่สื่อถึงความมั่นคง นอกจากนี้ สีทองยังเป็นที่นิยม เพราะคนไทยเชื่อว่า “ทอง” คือความรุ่งเรือง ความเป็นสิริมงคล และเป็นพลังแห่งพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างนำทางชีวิต ขณะเดียวกันบางภูมิภาคนิยมใช้สีชมพูหรือสีฟ้าอ่อนเพื่อสื่อถึงความอ่อนหวานและความซื่อสัตย์ ซึ่งล้วนสอดรับกับหลักโหราศาสตร์ไทยที่ผูกพันกับดาวเคราะห์และวันเกิด ๔. การเปรียบเทียบความเชื่อทั้งสามวัฒนธรรม
|
| เมื่อเปรียบเทียบกัน จะเห็นว่าแต่ละวัฒนธรรมต่างตีความ “สี” ตามรากฐานแห่งจิตวิญญาณของตน หากตะวันตกมองไปที่ความบริสุทธิ์และความรัก จีนมุ่งไปที่โชคลาภและความมั่งคั่ง ส่วนไทยเชื่อมโยงกับฤกษ์ยามและความเป็นสิริมงคลเฉพาะตัว |
|
ในมุมของโหราจารย์ สีไม่ใช่เพียงการเลือกความสวยงาม แต่คือ “พลังงาน” ที่สัมพันธ์กับดวงชะตาและจิตวิญญาณของผู้สวมใส่ ดังนั้น การเลือกชุดแต่งงานจึงเป็นดั่งการเลือกพลังนำทางชีวิตคู่ หากเลือกอย่างสอดคล้องกับดวงชะตา ย่อมเสริมความมั่นคงและความราบรื่นในครอบครัว |
| สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชุดสีขาวแห่งตะวันตก สีแดงทองแห่งจีน หรือชุดไทยประเพณีที่งดงาม สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักและความตั้งใจจริงของคู่บ่าวสาว เพราะแม้สีสันจะมีพลัง แต่หัวใจของคนทั้งสองต่างหากที่เป็นรากฐานของชีวิตคู่ซึ่งจะมั่นคงและงดงามตราบนานเท่านาน |
| อ.วรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์ |
.png)



































