คราสเพียร คืออะไร?

 

" คราสเพียร "

 
คราสเพียร มาจากการผสมผสานแนวคิดโหราศาสตร์ไทยที่ว่าด้วย คราส (สุริยคราส–จันทรคราส) และคำว่า “เพียร” ซึ่งในตำราเก่าหมายถึง การดับสิ้นไปของแรงดาวอย่างพิเศษ โดยมิใช่คราสที่เกิดให้เห็นชัดเจนเพียงปรากฏการณ์ทางฟ้า แต่เป็น คราสตามเชิงมุมสัมพันธ์ กล่าวคือ เมื่อดวงอาทิตย์–ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์โคจรมาบรรจบหรือทับกันสนิทองศา (องศาเป๊ะพอดี) แม้บางครั้งทางตาเปล่าไม่เห็นคราส แต่ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็น “จุดคราสในทางเพียร” ซึ่งส่งผลแรงในเชิงไม่เป็นมงคล
 
ในโหราศาสตร์ไทย “คราสเพียร” อยู่ในหมวด ดิถี–คราส–กาลพิเศษ ที่ใช้พิจารณาฤกษ์ยามและดิถีประจำวัน
ดังนั้น คราสเพียร จึงจัดอยู่ในกลุ่ม ปรากฏการณ์ฟ้า–คติอัปมงคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการห้ามประกอบมงคลกรรม โดยเฉพาะการเริ่มต้นสิ่งใหม่
 

อิทธิพลของคราสเพียร

  1. ด้านจิตใจและพลังงาน : มักทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด อารมณ์ไม่คงที่ เกิดความหงุดหงิดง่าย

  2. ด้านการงาน : การเริ่มต้นงานใหม่ไม่ค่อยสำเร็จ ราบรื่นเพียงชั่วคราวแล้วสะดุด

  3. ด้านการเงิน : เสี่ยงต่อการสูญเสีย ขาดทุน หรือการใช้จ่ายโดยไม่คุ้มค่า

  4. ด้านความสัมพันธ์ : มักเกิดความเข้าใจผิด หรือความขัดแย้งจากเรื่องเล็ก ๆ

  5. ด้านโลกและสังคม : ช่วงที่เกิดคราสเพียรมักมีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ระดับโลก เช่น การเมืองปั่นป่วน ภัยธรรมชาติ หรือวิกฤติสังคม

หลักปฏิบัติเมื่อเข้า “เขตคราสเพียร”
โบราณกำหนดเป็น “7 วันอันตรายรอบคราส” คือ ก่อนหน้า 3 วัน วันคราส และหลังคราส 3 วัน รวมเป็น 7 วันเต็ม โดยมีข้อควรปฏิบัติ:
งดประกอบพิธีมงคลสำคัญ เช่น แต่งงาน ตั้งศาล ยกเสาเอก
งดขึ้นบ้านใหม่ หรือออกรถใหม่
ทำได้เพียงกิจวัตรทั่วไป หรือการแก้ไขปรับปรุงสิ่งเก่า
หากจำเป็นจริง ๆ อาจมีการ “ปรุงฤกษ์” โดยโหราจารย์เพื่อหาทางออก แต่ก็ยังถือว่าไม่สมบูรณ์
 
สรุป “คราสเพียร” คือ คราสในเชิงเพียรพิเศษ ที่เกิดจากการดับสนิทองศา แม้บางครั้งไม่เห็นปรากฏการณ์เต็มตา แต่แรงสะท้อนทางโหราศาสตร์ถือว่าหนักพอสมควร โบราณจึงจัดอยู่ในกลุ่ม “วันอัปมงคล” ที่ควรงดประกอบพิธีกรรมใหญ่ การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงวันเวลาไม่ดี และเลือกใช้ฤกษ์มงคลที่เสริมความมั่นคงให้ชีวิตแทน
 
 
อ.วรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์