วันประสูติพระพุทธเจ้า

 

วันประสูติพระพุทธเจ้า

 
ความรู้และข้อถกเถียงในมิติประวัติศาสตร์และโหราศาสตร์  วันประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์บรมศาสดาของชาวพุทธ ถือเป็นวันสำคัญที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์ ศาสนา และโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง หลักฐานส่วนใหญ่ระบุว่า พระพุทธเจ้าทรงประสูติในวันเพ็ญเดือน 6 หรือ "วิสาขมาส" ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับวันประสูติ เช่น ปีหรือวันในสัปดาห์ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงการวิชาการทั้งทางศาสนาและโหราศาสตร์

หลักฐานจากคัมภีร์และอรรถกถา

คัมภีร์พุทธศาสนาทั้งฝ่ายมหายานและหินยานมีความเห็นตรงกันในประเด็นที่ว่า พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ แต่มีความแตกต่างในรายละเอียด:

  • ฝ่ายหินยาน: ระบุว่าทรงประสูติในปีจอ วันศุกร์
  • ฝ่ายมหายาน: ระบุว่าทรงประสูติในปีมะโรง วันศุกร์

การเปรียบเทียบปฏิทินทำให้พบว่า ข้อมูลเหล่านี้มีความแตกต่างอย่างมาก เช่น ฝ่ายหินยานระบุว่า วันประสูติเป็นวันที่ 15 เมษายน ปีจอ ก่อนคริสตศักราช 623 แต่ไม่ตรงกับวันศุกร์ ขณะที่ฝ่ายมหายานระบุว่า ทรงประสูติในวันที่ 4 เมษายน ก่อนคริสตศักราช 557
 

มุมมองจากโหราศาสตร์และการคำนวณดวงชาตา

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยในดวงพระชาตาของพระพุทธองค์ และทรงให้โหรหลวงคำนวณตามหลักสุริยยาตร์ โดยถือ "วันเพ็ญวิสาขะ" เป็นหลัก ผลการคำนวณได้ดังนี้:

  • วันประสูติ: วันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ (18 พฤษภาคม)
  • วันตรัสรู้: วันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา (20 พฤษภาคม)
  • วันปรินิพพาน: วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง (15 พฤษภาคม)

การคำนวณนี้แตกต่างจากฝ่ายมหายานถึง 66 ปี แต่ยังคงถือวันเพ็ญวิสาขะเป็นจุดยึดสำคัญ
 

บทบาทของโหราศาสตร์ในดวงชาตาของพระพุทธองค์

นักโหราศาสตร์เชื่อว่าดวงดาวในดวงชาตาของพระพุทธเจ้าแสดงถึงคุณลักษณะของพระองค์อย่างชัดเจน เช่น:

  • ดวงอาทิตย์: สถิตในภพที่ 10 (มหาอุจจ์) สื่อถึงความเป็นผู้นำและความสำเร็จ
  • ดวงจันทร์: อยู่ในภพที่ 9 หรือ 10 สื่อถึงความสมบูรณ์ทางจิตใจและการแสวงหาปัญญา

ทั้งนี้ หลักโหราศาสตร์ยังอธิบายว่า พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญบารมี 10 ประการในอดีตชาติ ซึ่งดาวเคราะห์ในดวงชาตาสะท้อนคุณลักษณะเหล่านี้ เช่น ดาวอาทิตย์ จันทร์ อังคาร และพฤหัสบดี
 

ข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์และโหราศาสตร์

นักโหราศาสตร์และนักประวัติศาสตร์หลายท่าน เช่น นายทองเจือ อ่างแก้ว ได้พยายามคำนวณวันประสูติของพระพุทธองค์ โดยอ้างอิงจากคัมภีร์และการคำนวณดาราศาสตร์ ผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างกัน เช่น:

  • นายทองเจือระบุว่า วันประสูติคือวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ (ก.ค. 587)
  • นักโหราศาสตร์อินเดียบางท่านระบุว่า วันประสูติคือวันอังคารที่ 14 เมษายน ก.ค. 623

ข้อแตกต่างเหล่านี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในการตีความและการคำนวณที่แตกต่างกันในแต่ละวิชา

บทเรียนจากวันประสูติพระพุทธองค์ แม้รายละเอียดเกี่ยวกับวันประสูติยังคงเป็นที่ถกเถียง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือหลักธรรมคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงมอบไว้ให้มนุษยชาติ ศาสตร์โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับดวงพระชาตาเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจความยิ่งใหญ่และความเป็นเอกลักษณ์ของพระองค์
 
ข้อสรุป วันประสูติของพระพุทธเจ้าเป็นหัวข้อที่แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างศาสนา ประวัติศาสตร์ และโหราศาสตร์อย่างน่าสนใจ แม้ข้อถกเถียงจะยังคงมีอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการน้อมนำคำสอนของพระพุทธองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างสันติสุขในจิตใจและความสมดุลในชีวิตของเรา