การพยากรณ์ดวงชาตาโลกของชาติต่างๆ ซึ่งอธิบายในหนังสือเล่มนี้ ใช้วิธีดูในระบบโหราศาสตร์ไทย ซึ่งเคยมีบางท่านเข้าใจว่าโหราศาสตร์ไทยใช้ดูความเป็นไปบ้านเมืองไม่ได้ ข้อนี้ไม่เป็นความจริง มันอยู่ที่เรามีวิธีการดูกันได้อย่างไรต่างหาก

                การเอาดวงดาวแทนค่าของชาติต่างๆ นั้น ที่ผิดแปลกไปจากตำรับตำราของฝรั่งบ้าง ก็โดยที่ข้าพเจ้าได้พิสูจน์แล้วเห็นว่า สิ่งนั้นๆ ไม่สมควรจะเชื่อถือได้ เพราะทดสอบแล้วไม่ให้ผลแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์จึงมิได้คล้อยตามด้วย อีกประการหนึ่งอยู่ดีๆ จะเอาดวงดาวไปวางยัดให้เป็นของชาติโน้นชาตินี้ โดยมิได้พิจารณาถึงสภาพความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ และอุปนิสัยของชนชาตินั้นๆ โดยเอามาเปรียบเทียบกับลักษณะของดวงดาว แบบนี้จะเป็นการเดาเกินไป ข้าพเจ้าพิจารณาจากตำราฝรั่งมาจำนวนมากพิสูจน์แล้วเชื่อถือไม่ได้ จึงไม่เอาอย่าง ตรงกันข้ามข้าพเจ้ากลับค้นหาจากสถิติคามเป็นไปของชาติต่างๆ ผูกดวงเหตุการณ์สำคัญของชาตินั้นๆ เมื่อได้มาแล้วจะต้องมาตรวจสอบกับข้อมูลอื่นๆ อีกจนลงตัวกัน จึงจะยุติว่าเป็นดาวประจำประเทศนั้นๆ โดยแท้จริง ซึ่งข้าพเจ้าใช้เวลาค้นคว้ามาแรมปี กว่าจะได้ผลสรุปอันแน่นอนลงตัว

                ดังนี้จึงวางใจได้ว่าการกำหนดดวงดาวประจำประเทศในหนังสือเล่มนี้ได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้วอย่างรอบคอบ ด้วยข้าพเจ้าเป็นคนเชื่ออะไรยาก ก่อนที่จะยึดถืออะไรเป็นหลักเกณฑ์ก็จะต้องผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลายแง่หลายมุม ไม่ยอมให้พลาด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในด้านวิชาการโดยเฉพาะ

                ข้าพเจ้าไม่ชอบวิธีการปิดบังความรู้ตามระบบโบราณ ซึ่งเหล่าอาจารย์สมัยก่อนท่านกลัวศิษย์อกตัญญูบางคนจะนำวิชาการนั้นๆ มาเป็นเครื่องมือทับถมครู หรือเข่นฆ่าครูให้วอดวายลงไปโดยต้องการเด่นแต่คนเดียว ข้าพเจ้ายินดีเปิดเผยผลการค้นคว้าต่างๆ อย่างไม่อำพรางและโดยความบริสุทธิ์ใจ ก็ด้วยประสงค์จะให้วิชาการด้านนี้ ดำเนินไปด้วยชอบในเหตุผล มิให้ตั้งอยู่ในความงมงายและไม่หวั่นวิตกเหล่าทุรชนผู้เอาเครื่องมือของข้าพเจ้าไปแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ของตน ทั้งนี้ก็เพราะว่าข้าพเจ้ายังเชื่อมั่นในตนเองว่า ความรู้ย่อมไม่หยุดยั้งอยู่กับที่ ข้าพเจ้าศึกษาอยู่ตลอดเวลาไม่เคยว่างเว้น ขณะที่จบการเขียนตำราเล่มนี้ ข้าพเจ้าก็จับการศึกษาค้นคว้าอีกต่อไป ดังนี้ข้าพเจ้าจะไปหวั่นเกรงต่อสิ่งเหลวไหลเหล่านั้นอย่างไรได้ จริงอยู่ข้าพเจ้าเขียนตำราเล่มนี้อย่างเปิดเผยจากจุดทุกปม กล้าสามบานได้ว่าไม่ปิดบังเลย แต่ก็มีอีกมากมายเหลือคณานับ จากจุดที่ผ่านสายตา ซึ่งเป็นความจัดเจนส่วนตัวอีกจำนวนมาก ซึ่งไม่อาจเขียนเป็นตัวอักษรได้ หากจะเขียนออกมาก็เชื่อแน่ว่าไม่รู้จักจบสิ้น ความจัดเจนเช่นนี้ ผู้ที่เคยค้นคว้าผลงานด้านนี้มาแล้วคงจะทราบได้ทันทีว่าข้าพเจ้าหมายถึงอะไร เพราะพูดออกมาไม่ได้ มิใช่ว่าเป็นการหมดความรู้ แต่มันเป็นความรู้ฝอยมิใช่หลักจึงไม่จำเป็นจะต้องนำมาเขียนให้รกหนังสือไปเปล่าๆ หลักการเขียนหนังสือนั้น จะต้องเขียนเฉพาะสิ่งอันจำเป็น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจศึกษาค้นคว้าได้ใช้สติปัญญาของตนเองบ้าง หวังว่าท่านสาธุชนย่อมจะเข้าใจในคำว่าปรารภอันนี้ดี

                สำหรับเรื่องราวของประเทศไทยนั้น ที่จริงข้าพเจ้าอยากจะเขียนเสียให้จบในคราวเดียวกันนี้ แต่ตรวจดูจากสมุดปูมค้นคว้าแล้วเห็นว่า หากจะเขียนโดยละเอียดหนังสือเล่มนี้จะต้องหน้าขึ้นอีก 2 เท่า จึงเห็นสมควรจะแยกเป็นหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยโดยเฉพาะอีกเล่มหนึ่งต่างหาก เพราะจะต้องวินิจฉัยถึงบุคคลสำคัญ ดวงเมืองบางกอก, ดวงเหตุการณ์อันโยงกันเป็นลูกโซ่ และคัมภีร์พิชัยสงครามซึ่งมีกฎเกณฑ์มาประยุกต์ใช้ได้กับเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างน่าพิศวง อีกประการหนึ่งมีกฎเกณฑ์ในการดูผลการต่อสู้ เช่นการชกมวยคู่สำคัญ ว่าใครจะแพ้ชนะอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชกมวยระดับชาติ ย่อมมีความสัมพันธ์กับชาติและดาวประจำชาติด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องจำแนกแจกแจงอย่างลึกซึ้ง จึงจำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีหนังสืออีกเล่มหนึ่งเกี่ยวกับประเทศไทย และการดูดวงชาตาโลกอย่างละเอียดเกิดขึ้นติดตามมา

พลูหลวง