การทำสุสาน

ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยที่ทรงพลังของชนชาวจีน

ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่ฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของชาวจีนมายาวนานกว่าพันปี และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของฮวงจุ้ยก็คือ “สุสาน” ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงสถานที่ฝังศพ แต่ยังสะท้อนถึงพลังงานที่มีอิทธิพลต่อชะตาชีวิตของคนรุ่นหลังอย่างลึกซึ้ง

ความสำคัญของสุสานในความเชื่อจีน

ชาวจีนมีความเชื่อว่า การวางตำแหน่งสุสานอย่างถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ไม่เพียงช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้กับผู้ล่วงลับ แต่ยังเกื้อหนุนดวงชะตาของลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ สุสานจึงไม่ใช่แค่ที่พักพิงสุดท้าย แต่เป็น “จุดศูนย์รวมพลัง” ที่ส่งผลต่อโชคชะตาของครอบครัวโดยรวม

ประเภทของสุสานตามหลักฮวงจุ้ย

ตามตำราโบราณ สุสาน (ฮวงซุ้ย) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีจุดประสงค์และความหมายที่แตกต่างกัน:

1. สุสานแบบเจาอุ่ง
   สุสานเจาอุ่ง หรือที่เรียกกันว่า “สุสานคนเป็น” เป็นการสร้างสุสานในขณะที่เจ้าของยังมีชีวิตอยู่ จุดมุ่งหมายหลักคือเพื่อเกื้อหนุนพลังชีวิตและปรับดวงชะตาให้ดีขึ้น การสร้างสุสานเจาอุ่งถือเป็นการเตรียมตัวรับพลังบวกจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถสะท้อนถึงความมั่งคั่งและความสำเร็จในชีวิตของเจ้าของ

2. สุสานแบบแซกี
   สุสานประเภทนี้มีลักษณะพิเศษ เพราะถูกสร้างขึ้นในขณะที่เจ้าของยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน แต่เมื่อถึงเวลาสิ้นชีวิต สุสานนี้จะถูกใช้งานจริงเพื่อเป็นสถานที่ฝังศพ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปีเกิดของคู่ครองและลูกหลานทุกคน เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลูกบางคนเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่อีกคนกลับประสบปัญหา

3. สุสานแบบฮกกีหรือซิ่วกี
   สุสานประเภทนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานหลังจากสิ้นชีวิตเท่านั้น ลักษณะโครงสร้างและการวางตำแหน่งจะเหมือนกับสุสานแซกี และยังคงต้องอาศัยการพิจารณาปีเกิดของสมาชิกในครอบครัวเพื่อเสริมสร้างดวงชะตาโดยรวม

ฮวงจุ้ยกับความเชื่อในพลังของธรรมชาติ

คำว่า “ฮวงจุ้ย” หมายถึง “ลม” และ “น้ำ” ซึ่งสะท้อนถึงพลังของธรรมชาติที่มีผลต่อชีวิตมนุษย์ การเลือกตำแหน่งและออกแบบสุสานตามหลักฮวงจุ้ยจึงเปรียบเสมือนการสร้างสมดุลระหว่างพลังงานของโลกกับพลังชีวิตของครอบครัว

สุสานเจาอุ่งจึงไม่ใช่แค่การเตรียมตัวสำหรับอนาคต แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงพลังงานของธรรมชาติเข้ากับโชคชะตาของคนในครอบครัว สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของความเชื่อที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมจีน

การสร้างสุสานจึงไม่ใช่เรื่องของความเชื่อที่ล้าสมัย แต่เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาโบราณกับความเข้าใจในพลังธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง สุสานเจาอุ่งและสุสานรูปแบบต่าง ๆ จึงเป็นมากกว่าสถานที่ แต่เป็น “แหล่งพลังงานชีวิต” ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นหลัง

มีผู้คนสอบถามข้าพเจ้าอยู่เสมอว่า “มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาหรือแก้ไขกรรมที่ติดตัวมาได้หรือไม่?” ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า สามารถทำได้ หากเราดำเนินการอย่างถูกวิธีและสอดคล้องกับหลักการที่เหมาะสม

การปรับดวง: เริ่มต้นจากการเข้าใจธาตุแห่งดวงชะตา

สิ่งสำคัญประการแรกคือ การวิเคราะห์และค้นหาธาตุสำคัญในพื้นดวงชะตาของเจ้าชะตา ซึ่งเปรียบเสมือนการค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนในพลังชีวิตของเขา ตัวอย่างเช่น บางคนเกิดมาพร้อมพื้นดวงชะตาที่อ่อนแอ แต่กลับมีช่องทางลาภมาก และความสามารถที่คนรอบข้างยอมรับ แต่ด้วยพลังดวงที่ไม่สมดุล อาจทำให้เขาไม่สามารถรองรับโชคลาภเหล่านั้นได้ ส่งผลให้ชีวิตต้องเผชิญความลำบาก และไม่อาจประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ในกรณีเช่นนี้ การสร้างสุสานเจาอุ่งหรือ “สุสานคนเป็น” เป็นวิธีที่ทรงพลังในการเสริมพลังดวงชะตา เจาอุ่งไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงดวงของคู่ครองหรือบุคคลอื่นในครอบครัว แต่จะพิจารณาเฉพาะเจ้าชะตาเท่านั้น เมื่อระบุธาตุสำคัญได้อย่างชัดเจน การสร้างสุสานเพื่อเกื้อหนุนพลังธาตุนั้นจะช่วยเสริมดวงชะตาให้มั่นคงและสมดุล

สุสานเจาอุ่ง: ศาสตร์เฉพาะบุคคล

สุสานเจาอุ่งเป็นสุสานขนาดย่อม ที่ภายในจะบรรจุสิ่งแทนตัวของเจ้าชะตา ได้แก่ เลือด กระดูก และหนัง โดยนิยมใช้เส้นผมที่มีรากติดอยู่ (เปรียบเสมือนเลือด) และเล็บมือหรือเล็บเท้า (แทนกระดูกและหนัง) วัตถุเหล่านี้จะถูกบรรจุในโถกระเบื้องเคลือบ และนำไปฝังในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักธาตุสำคัญ

ตำแหน่งของสุสาน รวมถึงฤกษ์ยามที่เหมาะสม การจัดวางตามดาว 9 ยุค และชัยภูมิรอบข้าง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการดึงพลังบวกจากธรรมชาติมาเสริมสร้างดวงชะตา เมื่อองค์ประกอบเหล่านี้ครบถ้วน พลังงานที่ได้จะเกื้อหนุนเจ้าชะตาอย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน

เงื่อนไขในการทำสุสานเจาอุ่ง

อย่างไรก็ตาม การสร้างสุสานเจาอุ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ในอดีต ศาสตร์นี้ถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น ได้แก่

• ชนชั้นกษัตริย์
• ชนชั้นขุนนาง
• ชนชั้นเศรษฐี

ที่สำคัญที่สุดคือ อาจารย์ผู้ทำพิธีจะต้องวิเคราะห์พื้นดวงชะตาของเจ้าชะตาอย่างละเอียดเสียก่อน หากพบว่าเจ้าชะตามีคุณธรรม และพื้นดวงสมควรที่จะได้รับการสนับสนุน พิธีการจึงจะดำเนินต่อไป แต่หากพื้นดวงชะตาของบุคคลนั้นบ่งชี้ว่าเป็นคนคดโกง ไร้จริยธรรม หรือประกอบอาชีพไม่สุจริต อาจารย์ก็มีสิทธิ์ปฏิเสธการทำพิธีโดยสุภาพ

แม้ในกรณีที่ฝืนทำพิธีให้ ผลลัพธ์ของสุสานเจาอุ่งก็มักไม่ยั่งยืน เจ้าชะตาอาจได้รับความรุ่งเรืองเพียงชั่วคราว ก่อนที่จะเผชิญกับความล้มเหลวในระยะยาว

ผลลัพธ์ของการสร้างสุสานเจาอุ่ง

ในทางกลับกัน หากผู้ขอทำสุสานเจาอุ่งเป็นผู้ที่มีจริยธรรมที่ดีงามและใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่ง พลังงานที่สมดุลจากสุสานจะช่วยเกื้อหนุนให้เจ้าชะตาประสบความเจริญรุ่งโรจน์ในชีวิต ทั้งในด้านสุขภาพ การเงิน และความสำเร็จในหน้าที่การงาน

ศาสตร์การสร้างสุสานเจาอุ่งจึงไม่ใช่เพียงความเชื่อ แต่เป็นภูมิปัญญาที่ละเอียดอ่อน ต้องอาศัยการวิเคราะห์และดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ลึกซึ้งและคุณธรรมสูง

การทำเจาอุ่ง: ศาสตร์แห่งการเสริมดวงชะตา

การทำเจาอุ่งเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ต้องอาศัยการจัดเตรียมและองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

1. ฟ้า: ฤกษ์ยามที่เหมาะสม
2. คน: พื้นดวงและรหัสชีวิตเฉพาะบุคคล
3. ดิน: สุสานเจาอุ่ง ซึ่งต้องตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ถูกต้อง

วัตถุประสงค์หลักของการทำเจาอุ่ง

การทำเจาอุ่งไม่ได้เป็นเพียงพิธีกรรม แต่เป็นการเสริมพลังชีวิตให้เจ้าชะตาใน 5 ด้านสำคัญ ดังนี้:

1. เสริมโชคลาภ
   ช่วยให้เจ้าชะตาสามารถดึงดูดและรับโชคลาภได้อย่างเต็มที่ เป็นการเปิดช่องทางให้พลังงานดีเข้ามาส่งเสริมชีวิต

2. เพิ่มอำนาจบารมี
   เกื้อหนุนให้เจ้าชะตาได้รับยศถาบรรดาศักดิ์และความเคารพนับถือจากผู้คนรอบข้าง

3. เสริมสุขภาพ
   ส่งผลให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง อายุยืน และลดทอนอุปสรรคด้านสุขภาพ

4. ส่งเสริมบุตรหลานที่ดี
   ช่วยให้เจ้าชะตามีผู้สืบสกุลที่ประพฤติดีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ครอบครัว

5. สร้างความเกื้อกูลและบริวารที่ดี
   ทำให้เจ้าชะตาได้รับความช่วยเหลือจากบริวารและผู้ใต้บังคับบัญชา

ลำดับการไหว้เจาอุ่ง

พิธีกรรมการไหว้เจาอุ่งมีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และเสริมพลังสูงสุด

1. ไหว้เจ้าที่

• เตรียมของไหว้ เช่น ผลไม้ ขนม และของเซ่นไหว้

2. ไหว้เจ้าพลัง (บนหลังเต่า)

• บูชาเจ้าพลังเพื่อเสริมดวงชะตา

การจัดเตรียมของไหว้

การไหว้เจาอุ่งต้องมีการจัดเตรียมของไหว้ที่เหมาะสมและเป็นมงคล โดยเรียงลำดับจากป้ายไหว้ดังนี้:

1. เทียน 1 คู่ และ กระถางธูป
   ใช้ธูปไหว้ครั้งละ 5 ดอก

2. น้ำชา 5 ถ้วย

3. เหล้าขาว 5 ถ้วย

4. ขนมอี้ (ขนมบัวลอยสัญลักษณ์ความกลมเกลียว)

5. ผลไม้ 5 อย่าง
   ผลไม้ที่ใช้ควรเป็นมงคล เช่น ส้ม องุ่น หรือแอปเปิ้ล

6. ซาลาเปาเจ

7. หมี่เหลือง
   หมี่เหลืองเป็นสัญลักษณ์ของความยืนยาวและความรุ่งเรือง

8. กระดาษเงินกระดาษทอง
   เป็นการส่งเสริมความมั่งคั่ง

ชุดของไหว้ที่ต้องจัดเตรียม

เพื่อให้พิธีการสมบูรณ์ การจัดเตรียมของไหว้ต้องครอบคลุมทั้งเจ้าพลัง เจ้าที่ย่อย และเทพเจ้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียดดังนี้:

1. ไหว้เจ้าพลัง (พิเศษ)

   • ผลไม้ 5 อย่าง
   • ซาลาเปา 5 ลูก
   • หมี่เหลือง 1 ถุง

2. ไหว้เจ้าที่ (พิเศษ)

   • ผลไม้ 5 อย่าง
   • ซาลาเปา 5 ลูก
   • หมี่เหลือง 1 ถุง

3. ไหว้ทีกง-ฟ้าดิน

   • ส้ม 5 ผล

4. ไหว้แป๊ะกง (2 ชุด)

   • ส้ม 5 ผล (ต่อชุด)

5. ไหว้ตีจูเอี้ยกง

   • ส้ม 5 ผล

6. ไหว้ซือบ่อเนี๋ยเนี๊ย

   • ส้ม 5 ผล

7. ไหว้อาจารย์ปู่หยกซิ่ว แซ่โง้ว

   • ส้ม 5 ผล

รวมทั้งหมด 8 ชุด

คำบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณสุสานเจาอุ่ง

คำบอกกล่าวเจ้าที่

“กราบนมัสการองค์เจ้าที่ผู้ปกปักรักษา ณ ทิศ............
ข้าพเจ้าชื่อ ............... ได้เดินทางมาสักการะเจาอุ่งในวันนี้ เพื่อเสริมดวงชะตาเกี่ยวกับ ...............
ข้าพเจ้าได้นำเครื่องสักการะ ประกอบด้วย ............... มาถวายบูชาแด่ท่าน
ขอความกรุณาท่านโปรดรับเครื่องบูชานี้ และโปรดปกป้อง คุ้มครองดวงชะตาของข้าพเจ้า
ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง สมปรารถนาในทุกประการ ด้วยเทอญ”

 

คำบอกกล่าวเจ้าพลัง

“กราบนมัสการเจ้าพลัง ณ ทิศ............
ข้าพเจ้าชื่อ ............... ขอมากราบไหว้เจ้าพลังในวันนี้ เพื่อเสริมดวงชะตาเกี่ยวกับ ...............
ข้าพเจ้าได้นำเครื่องสักการะ ประกอบด้วย ............... มาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่ท่าน
ขอความกรุณาท่านโปรดรับเครื่องบูชานี้ และโปรดประทานพลังปกป้อง คุ้มครองข้าพเจ้า
เพื่อให้ชีวิตของข้าพเจ้าประสบความสำเร็จและสมหวังในทุกประการ ด้วยเทอญ”
 

ขั้นตอนปักธูปและการขอพร

1. ปักธูปครั้งแรก: จุดธูปและปัก ณ จุดที่กำหนด ปล่อยให้ธูปไหม้จนหมดครึ่งดอก
2. ต่อธูปอีกครั้ง: เมื่อธูปไหม้ถึงครึ่งดอก ให้จุดธูปใหม่เพื่อขอพรอีกครั้ง
3. ลาพรและเก็บของไหว้:
   • หลังขอพรเสร็จ ให้ลากระดาษเงินกระดาษทองและนำไปเผา
   • เมื่อพิธีเสร็จสมบูรณ์แล้ว ให้ลาของไหว้เพื่อนำกลับหรือแจกจ่ายต่อไป

สุสานเจาอุ่งที่เทียบกับตัวของบุคคลเจ้าของจริงๆ
ชุดที่เห็นนี้เป็นเจาอุ่งหลังที่3ของผม เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ยังตบแต่งไม่เรียบร้อย
( เจาอุ่งหลังแรกผมทำไปเมื่อ พ.ศ.2550)

หากท่านมีความสนใจเรื่องการทำสุสานเจาอุ่งว่าทำไปเพื่ออะไร ติดต่อสอบถามมาที่ info@mahamongkol.com