นายบรรหาร ศิลปอาชา

หากกล่าวถึงผู้นำที่เป็นสัญลักษณ์ของ ความมุ่งมั่น อดทน และไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา

ชื่อของท่าน “นายบรรหาร ศิลปอาชา” ย่อมถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่างสง่างาม
จากเด็กชายเต็กเซียง แซ่เบ๊ แห่งตลาดสุพรรณบุรี ผู้เริ่มต้นชีวิตด้วยสองมือเปล่า
สู่การเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย
ด้วยความเพียร อุตสาหะ และความเป็นผู้นำที่มุ่งมั่นต่อการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ

ชาติกำเนิดและชีวิตครอบครัว

นายบรรหาร ศิลปอาชา เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475
(บางแหล่งบันทึกว่าเกิดวันที่ 19 กรกฎาคม ปีเดียวกัน)
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรของ นายเซ่งกิม และนางสายเอ็ง แซ่เบ๊
มีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊ (馬德祥)” เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน

สมรสกับ คุณแจ่มใส ศิลปอาชา มีบุตรธิดา 3 คน ได้แก่

• นายวราวุธ ศิลปอาชา (สมรสกับคุณสุวรรณา ไรวินท์)

• นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา

• นางสาวปาริชาติ ศิลปอาชา

การศึกษาและจุดเริ่มต้นแห่งชีวิต

ท่านเริ่มต้นการศึกษาระดับประถมในจังหวัดสุพรรณบุรี
ต่อมาเข้ามาเรียนมัธยมที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
แต่ต้องหยุดเรียนกลางคันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังจากนั้นได้ช่วยพี่ชายทำงานและเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
ต่อมาได้ก่อตั้งบริษัทเป็นของตนเอง และเป็นตัวแทนจำหน่ายคลอรีนให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค
จนสร้างฐานะมั่นคงและเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจ

แม้ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว แต่ท่านยังไม่ละความตั้งใจทางการศึกษา
ในปี พ.ศ. 2529 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
และศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาโทในสาขาเดียวกัน
พร้อมได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลายสถาบัน

เส้นทางการเมือง

นายบรรหารเริ่มเข้าสู่วงการเมืองจากการชักชวนของ นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ
เมื่อครั้งก่อตั้ง พรรคชาติไทย ในปี พ.ศ. 2517
ก่อนหน้านั้นท่านเคยดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (พ.ศ. 2516)
และ สมาชิกวุฒิสภา (พ.ศ. 2518)

ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี ในปี พ.ศ. 2519
และได้รับเลือกตั้งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 11 สมัยติดต่อกัน
จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “มังกรสุพรรณ” เพราะมีฐานเสียงแน่นแฟ้นที่สุดในประเทศไทย

ในปี พ.ศ. 2523 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น เลขาธิการพรรคชาติไทย
และภายหลังได้ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคชาติไทย (พ.ศ. 2537)
พร้อมดำรงตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
จนกระทั่งพรรคชาติไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2538

นายกรัฐมนตรีแห่งยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน

หลังการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2538 พรรคชาติไทยได้รับเสียงข้างมาก
นายบรรหาร ศิลปอาชา จึงได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 พร้อมกับควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

แม้รัฐบาลของท่านจะอยู่ในช่วงเวลาสั้น (2538–2539)
แต่ก็เป็นยุคที่เริ่มต้น “การปฏิรูปการเมืองไทย” อย่างจริงจัง
โดยได้ริเริ่ม การร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งภายหลังได้รับการยกย่องว่าเป็น
“รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ที่เปิดทางให้การเมืองไทยโปร่งใสและมีส่วนร่วมมากขึ้น

ผลงานสำคัญในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี

1. เริ่มกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540
   วางกรอบกฎหมายใหม่เพื่อพัฒนาการเมืองไทยสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคง

2. ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
   โดยเฉพาะภาคการเกษตร การชลประทาน และโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดต่าง ๆ
   สุพรรณบุรีได้รับการพัฒนาเป็นเมืองต้นแบบแห่งความเจริญในยุคนั้น

3. ขยายโอกาสทางการศึกษาและโครงสร้างสาธารณูปโภค
   สร้างโรงเรียน ถนน สะพาน และแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

4. บริหารราชการด้วยความใกล้ชิดประชาชน
   ด้วยแนวคิด “นักการเมืองที่ไม่ลืมบ้านเกิด” ทำให้ประชาชนรักและศรัทธาในตัวท่าน

สมญานามแห่งความทรงจำ

ด้วยบุคลิกเด็ดขาด มุ่งมั่น และลงมือทำจริง
นายบรรหารได้รับสมญานามมากมาย เช่น

• “มังกรสุพรรณ” – เพราะมีอิทธิพลและความจงรักภักดีต่อบ้านเกิด

• “มังกรการเมือง” – ผู้รู้จักปรับตัวอยู่รอดในทุกยุคสมัย

• “เติ้งเสี่ยวหาร” – เพราะท่านมีบุคลิกและวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกับผู้นำจีน เติ้งเสี่ยวผิง

ช่วงบั้นปลายและอนิจกรรม

ตลอดชีวิตหลังพ้นตำแหน่ง ท่านยังคงทำงานเพื่อพรรคชาติไทยและบ้านเกิด
แม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในช่วงหนึ่ง แต่ยังคงเป็นที่ปรึกษาและผู้ชี้แนะแนวทางให้ลูกหลานทางการเมือง

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 นายบรรหาร ศิลปอาชา ถึงแก่อนิจกรรม
ณ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
สิริอายุ 83 ปี 247 วัน ท่ามกลางความอาลัยของประชาชนทั้งประเทศ

เกียรติคุณและวุฒิกิตติมศักดิ์

• นิติศาสตรบัณฑิต และนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง

• ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (บริหารการศึกษา) สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา

• ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (พ.ศ. 2553)

ตารางเหตุการณ์สำคัญในชีวิตและผลงานของ นายบรรหาร ศิลปอาชา

“ผมเกิดที่สุพรรณฯ โตที่สุพรรณฯ และจะตายที่สุพรรณฯ 
สุพรรณบุรีคือหัวใจของผม และประเทศไทยคือชีวิตของผม”
                                    นายบรรหาร ศิลปอาชา

รำลึกถึง “มังกรสุพรรณ”

ในนามของลูกหลานเมืองสุพรรณบุรี

ในฐานะลูกหลานชาวสุพรรณบุรีคนหนึ่ง
ผมเติบโตขึ้นมาพร้อมกับได้ยินชื่อของ “ท่านบรรหาร ศิลปอาชา”
ดังก้องอยู่ในทุกหัวใจของผู้คนในบ้านเรา 
ชื่อที่ไม่ใช่เพียงนักการเมือง หากแต่เป็น “ผู้สร้างเมืองสุพรรณให้รุ่งเรือง”
ผู้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อแผ่นดินเกิดอย่างแท้จริง

สุพรรณบุรีในวันนี้ มีถนนที่ราบเรียบ อาคารที่สวยงาม
โรงเรียนที่ลูกหลานได้เรียนรู้
โรงพยาบาลที่รักษาชีวิตของคนทุกวัย
สะพานทุกแห่งที่เชื่อมโยงผู้คน
และน้ำที่ไหลในทุ่งนา
ทั้งหมดนั้น คือผลแห่งการทุ่มเทของชายคนหนึ่ง
ที่ไม่เคยลืมรากเหง้าของตนเองเลยแม้เพียงวันเดียว

ท่านบรรหารเริ่มต้นจาก “เต็กเซียง แซ่เบ๊” เด็กชายบ้านตลาดในเมืองสุพรรณ
ด้วยสองมือเปล่าและหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเพียร
ท่านเดินบนเส้นทางแห่งการต่อสู้ที่ยาวไกล
จนกลายเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศในฐานะ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 21”
แต่ไม่ว่าท่านจะยืนอยู่ในจุดใดของอำนาจ
หัวใจของท่านก็ยังคงผูกพันอยู่กับแผ่นดินสุพรรณบุรีเสมอ

เมื่อใดที่ผมได้กลับบ้าน
ได้ผ่านอนุสาวรีย์ของท่าน หรือเดินผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ
ผมจะยกมือไหว้ด้วยความเคารพทุกครั้ง
เพราะสำหรับชาวสุพรรณ ท่านบรรหารไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรี
แต่ท่านคือ “พ่อผู้สร้างเมือง”
คือผู้ที่ทำให้ลูกหลานของเรามีถนนให้เดิน มีโรงเรียนให้เรียน
และมีศักดิ์ศรีในคำว่า “คนสุพรรณ”

ท่านสอนเราด้วยการกระทำ 
ให้รู้ว่าความสำเร็จไม่ได้มาง่าย ต้องเกิดจากความเพียร ความซื่อสัตย์ และการไม่ลืมบุญคุณผืนแผ่นดิน
ท่านไม่เคยพูดว่ารักสุพรรณ แต่ทุกลมหายใจของท่านคือการพิสูจน์คำรักนั้นอยู่เสมอ

ในวันที่ท่านจากไป
ผมยังจำภาพผู้คนนับหมื่นที่ยืนเรียงรายสองข้างถนน
ร้องไห้อย่างสงบ ส่งผู้นำของพวกเขากลับบ้าน
ภาพนั้นตราตรึงในหัวใจของลูกหลานสุพรรณทุกคน
และจะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน

วันนี้…แม้ “มังกรสุพรรณ” จะลับหายไปจากผืนฟ้า
แต่ความดีและคุณูปการของท่านยังส่องแสงอยู่เหนือเมืองสุพรรณบุรีเสมอ
ชื่อของ “บรรหาร ศิลปอาชา”
จะเป็นเสมือนรากไม้ใหญ่ ที่หยั่งลึกอยู่ใต้แผ่นดินนี้
ส่งแรงหล่อเลี้ยงให้ลูกหลานรุ่นต่อรุ่นเติบโตด้วยความภาคภูมิใจ

ในนามของลูกหลานสุพรรณบุรี
ผมขอกราบรำลึกด้วยหัวใจ
ขอขอบพระคุณท่านบรรหาร ศิลปอาชา
ผู้ที่สร้างเมืองสุพรรณบุรีนี้ให้เจริญรุ่งเรือง และสร้างแรงบันดาลใจให้เราเชิดหน้าภูมิใจว่า

“เราเป็นลูกหลานของแผ่นดินสุพรรณบุรี
แผ่นดินที่มีท่านบรรหาร ศิลปอาชา เป็นมังกรผู้คุ้มเมือง”

ด้วยความเคารพและรำลึกอย่างสุดซึ้ง
นายวรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์
ลูกหลานชาวสุพรรณบุรี